ทำไมเราถึงต้องขับรถไฟฟ้า?
ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบและสะอาด
รถไฟฟ้าให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นิ่มนวล ปราศจากควัน และ เสียงรบกวน เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงานขณะรถจอด จึงไม่ก่อให้เกิดเสียงติดเครื่อง (idle noise) นอกจากเสียงนุ่ม ๆ จากมอเตอร์และล้อหมุนขณะวิ่ง
ประสิทธิภาพสูง
รถไฟฟ้ามีอัตราการเร่งอย่างรวดเร็ว จากการส่งพลังงานไปยังล้อทันที ด้วยการให้แรงบิดสูงที่ความเร็วระดับต่ำ
ทำให้เกิดความนุ่มนวลและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในการขับขี่ รถไฟฟ้าที่มีการออกแบบเป็นอย่างดี เช่น
จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ๆ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วเท่ากับรถยนต์ธรรมดา รวมทั้งให้ความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง
ทำให้เกิดความนุ่มนวลและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในการขับขี่ รถไฟฟ้าที่มีการออกแบบเป็นอย่างดี เช่น
จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ๆ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วเท่ากับรถยนต์ธรรมดา รวมทั้งให้ความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง
ค่าใช้จ่ายในการใช้งานไม่แพง
ค่าใช้จ่ายสำหรับเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่เท่ากันสำหรับรถไฟฟ้าน้อยกว่า รถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง การประหยัดจำนวนเงินที่แน่นอนขึ้นอยู่กับอัตราค่าไฟฟ้าในแต่ละท้องถิ่นและความหลากหลายตามการใช้งาน นอกจากนี้ผู้ใช้รถไฟฟ้าสามารถประหยัดค่าซ่อมบำรุงที่เกิดขึ้นกับรถ
รักษาสิ่งแวดล้อม
รถไฟฟ้าเป็นมิตรกับกับสิ่งแวดล้อมไม่ก่อให้เกิดมลภาวะละเป็นยานพาหนะชนิดเดียวเท่านั้นที่ไม่มีไอเสีย เพราะใช้พลังงานจากไฟฟ้าและถึงแม้ว่าแหล่งกำเนิดพลังงานสำหรับรถไฟฟ้าจะใช้น้ำมันและปล่อยควัน แต่เมื่อเปรียบเทียบจะพบว่าน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันมาก
รถไฟฟ้าจะมีมาตรฐานความปลอดภัยทัดเทียมกับรถยนต์ธรรมดา ตามข้อกำหนด ซึ่งตั้งขึ้นโดย สำนักงานรักษาความปลอดภัยและการจราจร บนทางหลวงแห่งชาติ มีการบันทึกความปลอดภัยและตรวจตราอย่างระมัดระวัง ณ ปัจจุบันนี้ ผลการตรวจสอบเป็นไปในเชิงบวก แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยสูงสุดของ รถไฟฟ้า และโอกาสที่รถไฟฟ้าจะระเบิดหรือไฟไหม้พบได้น้อยกว่ารถที่ขับเคลื่อน ด้วยเชื้อเพลิง
การออกแบบทั้งหมดของรถไฟฟ้า รวมถึงองค์ประกอบของรถเล็งเห็นถึงความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งชุดมาตรฐานความปลอดภัยและไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งกำหนดโดย National Electrical Code , The Society of Automotive Engineer และองค์กรทางด้านความปลอดภัยอื่น ๆ นอกจากนี้พบว่า การขับขี่และการชาร์จรถไฟฟ้า ปลอดภัยเท่ากับการขับขี่ยานพาหนะอื่น ๆ ในทุกสภาพอากาศและทุกช่วงเวลาของวัน
การชาร์จแบตเตอร์รี่
การชาร์จแบตเตอร์รี่ที่บ้าน
เจ้าของรถไฟฟ้าสามารถชาร์จพลังงานในโรงจอดรถ แบบข้ามคืนหรือสุด สัปดาห์ตามสะดวก
การชาร์จแบตเตอร์รี่ที่ทำงาน
นายจ้างเริ่มมีการจัดหาสถานที่ชาร์จพลังงานในที่จอดรถสำหรับพนักงาน
การชาร์จสำหรับรถขนส่งมวลชน
บริษัทฯ ที่ดำเนินการระบบขนส่งมวลชนจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่สำหรับ รถไฟฟ้าได้ที่ศูนย์จอดรถ
ในการชาร์จรถไฟฟ้าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?
ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จรถไฟฟ้าขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 ประการ ดังนี้
- ระดับของแบตเตอรี่ที่ใช้ไป
- ระดับของไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่
IWC หรือ กรรมาธิการผู้ประกอบการยานพาหนะไฟฟ้าแห่งชาติ (The National Electric Vehicle Infrastructure Working Council) ได้กำหนดระดับการชาร์จรถไฟฟ้าใน 3 ระดับ ดังนี้
ระดับที่ 1 (ช้า) ใช้ไฟฟ้าทั่วไปในการชาร์จ ด้วยเครื่องมือแบบ“three – prong receptacle” ซึ่งพบในบ้านและที่ทำงาน เครื่องชาร์จลักษณะนี้สามารถชาร์จได้ทุกที่ แต่มีกระแสไฟที่จำกัดเพียง 10 แอมแปร์ การชาร์จระดับ 1 จะใช้เวลา 8 – 14 ชม. หรือมากกว่า สำหรับการชาร์จที่สมบูรณ์ ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่
ระดับที่ 2 (ระดับปกติ) เป็นวิธีการเบื้องต้นสำหรับการชาร์จรถไฟฟ้าและต้องจัดหาอุปกรณ์พิเศษสำหรับรถไฟฟ้า ระดับที่ 2 ใช้เวลาในการชาร์จ 4 – 8 ชม. ขึ้นอยู่กับระดับความ “ต่ำ” ของแบตเตอรี่ ระดับธรรมดานี้สามารถใช้กับสถานีชาร์จในบ้าน ขนส่งมวลชนและสถานีชาร์จ
ระดับที่ 3 (อย่างรวดเร็ว) ระดับนี้เป็นการชาร์จโดยใช้ไฟแรงดันสูง ซึ่งสามารถชาร์จได้ภายใน 10 –20 นาที เครื่องชารจ์ระดับที่ 3 ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น